Cook, Serve, Delicious! 3! สมบทเป็นเซฟเสิร์ฟอาหารบน Food Truck สุดเร่งรีบ

“Cook, Serve, Delicious! 3!” เป็นภาคที่ 3 ของซีรีส์เกมเปิดร้านอาหาร จากสตูดิโอ Vertigo Gaming Inc. สามารถเล่นได้ผ่านระบบ Steam, Nintendo Switch, PlayStation 4 และ Xbox One ตัวเกมจะชูจุดเด่นด้วยระบบการเล่นที่มอบความรู้สึกเสมือนผู้เล่นกำลังสวมบทเป็นเซฟคอยทำอาหารให้ลูกค้าแต่ละคน โดยในภาค 3 นี้ ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นเจ้าของ Food Truck ตะลอนขายอาหารไปทั่วสหรัฐอเมริกา

– ทำอาหารและจัดการรถ Food Truck ใน Cook, Serve, Delicious! 3!

Food Truck ใน Cook, Serve, Delicious! 3! เนื้อเรื่องจะต่อจากภาค 2 หลังจากที่ตัวเอกได้เปิดร้านอาหาร “Cook, Serve, Delicious!” จนโด่งดัง ซึ่งไม่ใช่ร้านที่มีชื่อเสียงเพียงร้านเดียว เพราะยังมีคู่แข่งอีกหลายเจ้า แต่จู่ๆร้านของตัวเอกก็เกิดระเบิดจนไม่เหลือซาก ยังดีที่หุ่นยนต์กู้ภัย 2 ตัว “Whisk” และ “Cleaver” คอยช่วยเหลือ และเห็นว่าตัวเอกเป็นเชฟชื่อดัง จึงตั้งใจรวมธุรกิจเป็นร้านอาหาร Cook, Serve, Delicious! อีกครั้งในรูปแบบ Food Truck

ระบบการเล่นหลักของ Cook, Serve, Delicious! 3! คือ การทำอาหารตามที่ลูกค้าต้องการ โดยการทำอาหารในเกมนี้ ผู้เล่นจะต้องลงมือทำเองทุกขั้นตอน อย่างเมนูสเต็ก ผู้เล่นต้องนำเนื้อมาหมักด้วยซอสต่างๆ แล้วนำไปอบ หรือบางเมนูที่มีองค์ประกอบเยอะๆอย่าง แซนด์วิช ที่ลูกค้าสามารถใส่ไส้ได้หลายอย่าง ลูกค้าบางคนอาจจะเลือกใส่บางอย่างหรือไม่ใส่บางอย่างได้ ผู้เล่นต้องดูความต้องการของลูกให้ดี ในส่วนของการระบบการควบคุม

ผู้เล่นสามารถใช้เมาส์ควบคุมทั้งหมดในการทำอาหารได้ หรือจะใช้ปุ่มบนคีย์บอร์ดเพื่อกดให้เร็วขึ้น นอกจากที่ผู้เล่นต้องทำอาหารแล้ว ยังต้องจัดเสิร์ฟให้ลูกค้า ซึ่งบางอย่างเมื่อทำเสร็จจะต้องรีบเสิร์ฟทันที จึงจะได้คะแนนมากที่สุด บางเมนูก็ยังเสิร์ฟทันทีไม่ได้ ต้องมีการปรุงหรือตกแต่งเพิ่มเติมก่อนเสิร์ฟ ในการเล่นแต่ละรอบ ผู้เล่นจะขายหลายเมนูพร้อมๆกัน โดยแต่ละเมนูนั้นจะมีความแตกต่างในขั้นตอนการทำ ความซับซ้อนในการปรุงหรือรูปแบบการเสิร์ฟ

อีกทั้งจำนวนลูกค้าที่เข้ามาสั่งจะเยอะมากๆ และแต่ละคนก็มีอดทนในการรออาหารไม่เท่ากัน หากผู้เล่นเสิร์ฟช้าเกินไปหรือทำอาหารผิด จะเสียค่าความพึงพอใจ จนทำให้คะแนนตอนจบด่านน้อยลง

แม้ว่าระบบการเล่นของ Cook, Serve, Delicious! 3! จะดูซับซ้อนวุ่นวาย ชวนให้สับสนมึนงงง่ายๆ อะไรก็ดูเร่งรีบไปหมด แต่ตัวเกมก็มีโหมด “Chill” ที่ทำให้เกมง่ายขึ้น ผู้เล่นไม่ต้องเร่งรีบ สามารถค่อยเป็นค่อยไปได้อย่างช้าๆ และสามารถจบเกมนี้ได้เช่นเดียวกัน เพียงจะไม่ได้รับคะแนนสูงสุดของด่านเท่าไหร่ ซึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับสายชิลล์ ที่อยากลองเปิดประสบการณ์เป็นเชฟที่ต้องรับมือกับสารพัดเมนูของลูกค้า