ไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานที่ทุกคนควรจะมี เพราะในสมัยนี้จะให้มาจุดตะเกียงใช้เหมือนเมื่อก่อน ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ควรทำอีกต่อไปแล้ว และสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนมากก็ต้องใช้ไฟฟ้าทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์, ตู้เย็น, แอร์, พัดลม หรือว่าอะไรก็ตามที่ต้องเสียบปลั๊ก และนั่นก็เป็นที่มาของการเล่นเกมในวันนี้ เพราะเราจะไปรู้จักกับเกม Power City ที่มีความยากระดับสิบ
หากใครที่ชอบความยากแบบไม่เกี่ยงแนว งั้นก็ต้องลองมาเล่นเกมนี้ดู ซึ่งการออกแบบของมันจะเป็นเกมการเชื่อมต่อเส้น ถ้าใครที่เคยเล่นเกมแนวนี้มาก่อนจะเข้าใจได้เร็ว แต่ถ้าใครยังงงจะอธิบายให้ฟัง
– ระบบ Gameplay
รูปแบบการเล่นของเกม Power City จะออกแบบมาเพื่อวัดทักษะการคิด โดยจะให้เราทำการเชื่อมต่อสายไฟจากบ้านหลักที่เป็นเหมือนโรงงานไฟฟ้า ไปยังบ้านบริเวณรอบ ๆ ซึ่งไฟดับอยู่ให้ครบทุกหลัง แต่ก็ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องใช้สายไฟให้ครบก็ได้ ขอแค่ต้องต่อให้ไฟของทุกบ้านติด และนั่นยังไม่ครบจุดประสงค์ เพราะว่ายังมีต้นไม้ที่มีหลอดไฟประดับ ก็ต้องส่งไฟไปให้ถึงด้วยเช่นกัน ส่วนการบังคับจะเป็นการใช้ Mouse คลิกเปลี่ยนทิศทางของเส้นไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอสายที่ลงตัว ซึ่งตัวเกมมีระดับความยากให้เลือกมากถึง 5 โหมด คือ Easy, Normal, Hard, Very Hard และ Extreme
แต่ว่าจะปลดล็อกให้เล่นก่อนแค่ 2 โหมดแรกเท่านั้น แล้วในแต่ละโหมดก็จะมีด่านแยกย่อยไปอีกเกือบ 200 Level ทำให้ผู้เล่นสายนี้ไม่ต้องพักกันเลยทีเดียว แต่บอกไว้ก่อนเลยว่า แค่ได้ลองโหมด Easy ใน Level แรกแล้วก็แทบจะถอดใจ เพราะว่ามันยากตั้งแต่เริ่มต้น แต่ที่ผ่านได้เพราะว่าตัวเกม Power City มีการแนะนำที่เหมือนระบบ Tutorial ให้ก่อน จากนั้นเราถึงจะต้องลุยเองใน Level ต่อไป หากใครอยากเอาชนะต้องมีเวลาที่เยอะมาก ๆ เพราะว่าเราจะต้องคิดตลอดว่าไปทางไหนถึงจะดี หรือไปทางไหนถึงจะสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้หมด ขอให้ใจเย็น ๆ แล้วค่อย ๆ คิดน่าจะพอไหว
และถึงแม้ว่าตัวเกม Power City เหมือนจะไม่มีการจับเวลาก็จริง ทำให้เราชะล่าใจว่าสามารถเล่นได้เรื่อย ๆ นั้น แท้ที่จริงแล้วเมื่อเราทำสำเร็จ ตัวเกมจะสรุปจำนวนดาวมาให้ดูเป็นขวัญตาด้วย มันก็เลยทำให้เรารู้ว่าการที่เราเรื่อยเปื่อยนั้น ตัวเกมแอบมาลงโทษเราในตอนจบนี่เอง แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการเล่น
#Esport #แข่งDota2 #แข่งPubg #แข่งROV #ReviewGame #PowerCity