เกมการทำสงครามที่มีความสมจริงเป็นอะไรที่ติดอันดับความนิยม แต่อย่าลืมว่าในเมื่อมีความสมจริงแบบนั้น ขั้นตอนการเล่นย่อมมีความเยอะ ถ้าใครที่เวลาน้อยก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเล่นไม่หมดเมนูอย่างแน่นอน เพราะยังไงตัวเกมก็ต้องมีภารกิจทั้งแบบหลัก แบบรองให้ได้ทำ แถมบางเกมอาจจะต้องมีการให้ออกสำรวจพื้นที่ไปอีก เชื่อได้เลยว่าเผลอ ๆ คนเล่นก็ถอดใจก่อน อันนี้พูดถึงคนไม่มีเวลานะ ถ้าใครเวลาเยอะก็น่าจะเก็บได้หมด แต่ถ้าอยากเล่นจริง ๆ
งั้นขอแนะนำเกมต่อสู้แบบน่ารัก ๆ ที่ใช้เวลาไม่มากแถมเลือกภาษาได้ให้ลองไปเล่นกันดู แต่ต้องหัดวางกลยุทธ์กันนิดหน่อยกับเกมที่มีชื่อว่า Tower Defense Steampunk
– ระบบ Gameplay
รูปแบบการเล่นของเกม Tower Defense Steampunk จะเป็นเกมแนวการสร้างป้อมเพื่อป้องกันปราสาท ซึ่งเรามีหน้าที่ในการวางกลยุทธ์การสร้างป้อมที่มีหน้าที่ต่างกัน จะว่าไปมันก็มีเรื่องของการบริหารเข้ามาร่วมด้วย เพราะว่าตัวเกมจะให้เงินเราติดตัวมานิดหน่อยก่อน เพื่อเป็นการสร้างป้อมตั้งต้น จากนั้นเมื่อเรามีการจัดการศัตรูได้แล้ว เราก็จะได้รับเงินเป็นการตอบแทน พอเรามีเงินแล้วก็สามารถสร้างป้อมใหม่ หรือว่าจะทำการอัพเกรดป้อมเก่าให้มีความสามารถมากขึ้น เช่น ป้อมใดที่มีการอัพเกรดแล้วก็จะมีประสิทธิภาพในการจัดการศัตรูที่เร็วขึ้น
ซึ่งจุดการตั้งป้อมแต่ละด่านจะมีตั้งแต่ 7 จุด ขึ้นไป แล้วแต่ว่าเราอยากจะวางจุดไหน แต่ต้องมั่นใจนะว่าถ้าวางป้อมไปแล้วจะสามารถจัดการ หรือกันศัตรูไม่ให้ไปถึงปราสาทได้ โดยตัวเกม Tower Defense Steampunk มีป้อมมาให้เลือกอยู่ 4 ประเภท คือ ป้อมธนู $100, ป้อมก้อนหิน $150, ป้อมสายฟ้า $220 และป้อมน้ำแข็ง $180 อยากวางอะไรจุดไหนก็เลือกเอา ส่วนศัตรูจะออกมาเป็น Wave ได้คะแนนครั้งละ 10 คะแนนต่อ 1 ตัว โดยใน 1 รอบการต่อสู้จะมีทั้งหมด 5 Wave
บางคนอาจรู้สึกว่าการเกินเกม Tower Defense Steampunk ดูช้า ๆ เราก็สามารถกดเร่งความเร็วของตัวละครได้ แต่ต้องรับข้อเสียของมันให้ได้นะ เพราะว่าถ้าเราไม่ได้อัพเกรดจะทำให้ยิงไม่ทัน แล้วทำให้ศัตรูไปถึงปราสาทเร็วขึ้น หลังจากที่ Wave มาครบแล้ว เราจะเจอกับ Boss ตัวสุดท้ายที่อึดมาก ๆ จนอาจทำให้ปราสาทของเราที่มีจำนวนหัวใจอยู่ 500 ดวงถูกโจมตีจนหมด ดังนั้น ถ้าอยากจะทำให้ผ่านด่านก็ต้องคิดเรื่องของการวางแผนการวางป้อมให้ดี
#Esport #แข่งDota2 #แข่งPubg #แข่งROV #ReviewGame #TowerDefenseSteampunk
